Home / Product knowledge

 

อย่ารอ ให้ต้องใช้รถบ่อย แล้วค่อยดูแลเกียร์ เดี๋ยวใจเพลีย เพราะเกียร์พัง! 
Work From Home แม้จะไม่ค่อยได้ใช้รถ แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เกียร์โทรม ดูแลด้วยตัวเองได้ง่ายๆ ดังนี้
มุดสักนิด ก้มเช็คสักหน่อย มีอะไรผิดปกติอยู่ใต้ท้องรถ
- สำหรับรถยกสูง “แนะนำ” มุดเข้าใต้ท้องรถ ดูว่าซีล ยางโอริงเสื่อมสภาพหรือยัง โดยการเช็คว่ามีคราบน้ำมันเกียร์ซึมออกมาตามรอยต่อเครื่องเกียร์หรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันน้ำมันเกียร์ขาด หรือแห้ง ได้ทันก่อนสาย 
- สำหรับรถเก๋ง หรือรถที่โหลดเตี้ย “แนะนำ” ก้มเช็คใต้ท้องรถ ว่ามีคราบรอยหยดน้ำมันเกียร์หรือไม่ หากพบว่ามีหยดสีแดง อยู่ตำแหน่งด้านซ้ายของรถยนต์ สันนิษฐานว่าน้ำมันเกียร์อัตโนมัติรั่ว อาจเกิดจาก ซีลเพลาขับฉีกขาด ประเก็นแคร้งน้ำมันเกียร์เสื่อม 
หมายเหตุ: รถบางรุ่นตำแหน่งรอยรั่ว อาจไม่เหมือนกัน สามารถสังเกตจากสีน้ำมันที่หยดลงมา หากใช้น้ำมันเกียร์ Alpha’s สูตร ATF จะเป็นสีแดง และ CVTF เป็นสีเหลือง 
.
นักสืบ สายสังเกต เช็ค สี กลิ่น ระดับ เปลี่ยนไปหรือไม่ 
- ย้ำอีกที สี กลิ่น ระดับ น้ำมันเกียร์ หมั่นเช็คให้บ่อย เพราะสามารถบอกได้ว่าน้ำมันเกียร์เสื่อม หรือระบบเกียร์มีปัญหาหรือไม่ หากพบว่าน้ำมันเกียร์มีสี กลิ่น แปลกไป ควรเปลี่ยนถ่ายออก 
นำรถออกไปขับ ขยับเพื่อวอร์มเกียร์
- ควรนำรถออกไปขับด้วยความเร็วต่ำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้ระบบเกียร์มีการเสียดสีกันตลอด จะทำให้น้ำมันเกียร์อยู่ในอุณหภูมิที่พร้อมใช้งาน นอกจากนี้ ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้อีกด้วย 
.
รีเช็คอีกครั้ง น้ำมันเกียร์ถึงเวลาต้องเปลี่ยนหรือยัง 
สำคัญ! ถึงรถจะจอดนิ่ง ไม่ได้ขับ แต่เมื่อครบระยะการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามคู่มือรถกำหนดไว้ ก็ควรทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์เก่าออก เติมของใหม่เข้าไป เพื่อเป็นการถนอมเกียร์ ไม่ต้องนั่งเพลียเพราะค่าซ่อมในภายหลัง
“แนะนำ” เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ เมื่อถึงระยะ 20,000 กม. หรือทุก 1 ปี และฟอกเกียร์ เมื่อถึงระยะ 40,000 กม. หรือทุก 2 ปี