หลักๆ น้ำมันเครื่องมีทั้งหมด 3 ประเภท แตกต่างกันจากส่วนผสม และกระบวนการผลิตที่นับเป็นกลยุทธ์ของแต่ละยี่ห้อ

*น้ำมันเครื่องธรรมดา (Mineral Oil) กลั่นมาจากน้ำมันดิบ หรือน้ำมันที่มาจากธรรมชาติ 100% มีความบริสุทธิ์ แต่ข้อเสียคือมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าน้ำมันเครื่องอีก 2 ประเภท จึงทำให้น้ำมันเครื่องธรรมดามีราคาถูกที่สุดในบรรดาน้ำมันเครื่องทุกประเภท ซึ่งในปัจจุบันไม่นิยมใช้

*น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic) ผลิตจากการผสมผสานกันระหว่างน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์แท้ และ น้ำมันจากธรรมชาติ เพื่อให้มีคุณสมบัติที่ดีกว่าน้ำมันธรรมดาทั่วไป แต่มีราคาถูกกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์

*น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Full Synthetic) ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นที่สังเคราะห์จากน้ำมันปิโตรเลียม กระบวนการที่ถูกคิดค้นจากการวิจัยในแลปของผู้ผลิตแต่ละยี่ห้อ มีคุณสมบัติเหนือกว่าน้ำมันเครื่องประเภทอื่นๆ เช่น ความคงทนต่อการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ จึงทนความร้อนได้ดี ทำให้มีอายุการเปลี่ยนถ่ายและการใช้งานนานขึ้น มีอัตราการระเหยต่ำ ช่วยลดปัญหาสิ้นเปลืองการหล่อลื่น ฯลฯ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงเป็นที่นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน

 ดังนั้น ระยะการใช้งานของน้ำมันเครื่องแต่ละประเภทขึ้นอยู่กับรุ่นของรถ และพฤติกรรมการใช้งาน

➡น้ำมันธรรมดา ระยะการใช้งานไม่เกิน 5,000-8,000 กิโลเมตร หรือไม่เกิน 6 เดือน

➡น้ำมันกึ่งสังเคราะห์ ระยะการใช้งาน 8,000 - 12,000 กิโลเมตร หรือไม่เกิน 12 เดือน

➡น้ำมันสังเคราะห์ ระยะการใช้งาน 12,000 - 20,000 กิโลเมตร หรือไม่เกิน 18 เดือน

แนะนำควรเลือกใช้กรองน้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐานตามค่ายผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ

...ผู้ใช้รถควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้เหมาะสมตามระยะการใช้งาน เช่น ความแตกต่างระหว่างผู้ที่ใช้งานในต่างจังหวัด บนถนนที่โล่งวิ่งในระยะทางยาวๆ ได้ต่อเนื่อง กับ ผู้ใช้งานในกรุงเทพฯ ที่ต้องเผชิญกับสภาพการจราจรที่ติดขัด ถึงรถจะหยุดนิ่ง แต่เครื่องยนต์ยังคงทำงานอยู่ ก็อาจจะต้องเปลี่ยนถ่ายเร็วขึ้นกว่าระยะใช้งานจริงเล็กน้อย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการดูแลและถนอมเครื่องยนต์ รวมทั้งช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น