เมื่อรู้แล้วว่า “เกียร์ออโต้ ยังไงก็ต้องการการดูแล” วันนี้ Alpha's Thailand ตัวจริงเรื่องน้ำมันเกียร์ออโต้จากประเทศญี่ปุ่น จึงมาแนะวิธีขับรถถนอมเกียร์

1. ไม่คิกดาวน์หรือเชนเกียร์บ่อย
2. ทางลาดใช้เบรกมือช่วย สลักเกียร์อย่างเดียวรับไม่ไหว
การจอดรถบนทางลาดชันแล้วใส่เกียร์ P กันรถไหลอย่างเดียวจะทำให้สลักเกียร์ต้องแบกรับน้ำหนักตัวรถมากเกินไป ทางที่ดีควร "ใช้เบรกมือช่วย" โดยทำตามลำดับดังนี้
- เหยียบแป้นเบรกแล้วดึงเบรกมือขึ้นจนสุด
- ค่อยๆ ปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรกให้มั่นใจว่ารถไม่ไหล
- เข้าเกียร์ P เพื่อจอด
- เมื่อจะออกรถให้ปลดเกียร์ออกจากตำแหน่งเกียร์ P ก่อน แล้วจึงปลดเบรกมือ
วิธีนี้เบรกจะรับภาระน้ำหนักรถแทน ช่วยป้องกันชุดเกียร์เสียหายได้
3. ใส่เกียร์ N เวลารถติดถนอมเกียร์!!!
การใส่เกียร์ D ค้างแล้วเหยียบเบรกค้าง ชุดเกียร์จะยังคงทำงาน และมีแรงสะสมมาก ทำให้มีความร้อนมากขึ้นจากแรงดันของน้ำมันที่หมุนวนตลอดเวลา ในระยะยาวมีผลกับเกียร์ โดยเฉพาะชุด Torque Converter ที่รับกำลังจากเครื่องยนต์ด้านหนึ่งติดกับเครื่องยนต์ อีกด้านติดกับชุดเกียร์
4. อย่าลากเกียร์ เปลี่ยนเกียร์ให้สัมพันธ์กับความเร็ว
5. เมืองไทยมันร้อน เปลี่ยนน้ำมันเกียร์บ่อยๆ ดีต่อรถ ดีต่อเกียร์
นอกจากเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามคู่มือรถระบุหรือหากรถรุ่นใดระบุว่าไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเกียร์และเครื่องยนต์รถของญี่ปุ่นแนะนำว่าสภาพอากาศเมืองไทยนั้นร้อน ทำให้น้ำมันเกียร์เสื่อมเร็วกว่าปกติ จึงควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุกๆ 20,000 - 60,000 กม.
6. รถติดนานๆ เข้าเกียร์ N บ่อยบ้างก็ได้
ผู้เชียวชาญหลายสำนักว่ากันว่ารถติดหนักๆ อย่างกรุงเทพ ให้ค้างเกียร์ D ไว้แล้วเหยีบเบรคแทน ถนอมเกียร์นั้น ซึ่งไม่จริงเสมอไป การเข้าเกียร์แบบปกติเมื่อเทียบกับการเชนเกียร์ในความเร็วสูง การลากเกียร์ให้รอบสูงๆ หรือการไม่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามอายุการใช้งานนั้นมีผลให้เกียร์พังมากกว่าเยอะ
7. เปลี่ยนเกียร์เร็วเกินไป เกียร์พัง!!!
คนใจร้อน ชอบเปลี่ยนเกียร์ตอนรถยังไม่หยุดสนิท โดยเฉพาะจาก D ไป R แบบนี้เกียร์พังแน่นอน
8. เหยียบเบรกก่อนเข้าเกียร์
ทำแบบนี้ช่วยให้ระบบส่งกำลังไม่กระชาก ระบบเกียร์ทำงานไหลลื่น ถนอมชุดเฟืองเกียร์
9. ถอยหลังแล้วเดินหน้าเลย อย่าทำ!!!
ใจร้อนแบบนี้ ทำให้เกิดแรงที่หมุนสวนทางกันอย่างรุนแรง เป็นอันตรายร้ายแรงต่อชุดเฟือง สายพาน และลูกปืนต่างๆ สุดท้ายเกียร์พัง